ประเพณีลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทงภาคกลาง
การลอยกระทงของภาคกลางซึ่งเป็นที่มาของการลอยกระทงที่นิยมปฏิบัติกันทั้งประเทศนั้น
มีหลักฐานว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีมีพระราชพิธี
“จองเปรียงลดชุดลอยโคม”
ในสมัยรัชกาลที่
๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เรียกพิธีนี้ว่า “ลอยพระประทีปกระทง”
เนื่องจากโปรดให้ทำเป็นกระทงใหญ่
บนแพหยวกกล้วย ตกแต่งอย่างวิจิตรพิศดารประกวดประชันกัน
แต่ในรัชกาลต่อมาก็โปรดให้เปลี่ยนกลับเป็นเรือลอยพระประทีปแบบสมัยอยุธยา
ในสมัยพระสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ โปรดให้เลิก
พิธีนี้เสียเพราะเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง
กระทงของภาคกลางมี ๒
ประเภทคือ
กระทงแบบพุทธ
เป็นกระทงที่ประดิษฐ์ด้วยวัสดุธรรมชาติ
เช่น ใบตอง ใบกระบือ ก้านพลับพลึง ใบโกศล
หรือวัสดุธรรมชาติที่หาได้ตามท้องถิ่นและประดับด้วยดอกไม้สดต่างๆ
ภายในกระทงจะตั้งพุ่มทองน้อย ถ้ากระทงใหญ่จะใช้ ๓ พุ่ม
กระทงเล็กใช้พุ่มเดียวและธูปไม้ระกำ ๑ ดอก เทียน ๑ เล่ม และวัสดุต่างๆตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น
กระทงแบบพราหมณ์
วิธีการทำเช่นเดียวกับการทำกระทงแบบพุทธ
จะแตกต่างกัน คือไม่ มีเครื่องทองน้อย บางท้องถิ่นจะมีการใส่หมากพลู เงินเหรียญ
หรือตัดเส้นผมเล็บมือ เล็บเท้า เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ไปในตัว
เป็นพิธีความเชื่อของผู้ที่นับถือศาสนาพรามณ์
วัตถุประสงค์ของการลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทง
เป็นประเพณีที่สำคัญที่คนไทยได้สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ นิยมทำกันในวันเพ็ญเดือน
๑๒ โดยมีวัตถุประสงค์หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเพณีความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น
๑เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าในวันเสด็จกลับจากเทวโลกเมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพุทธมารดา
๒.เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า
๓.เพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
๔.
เพื่อบูชาพระอุปคุตตเถระที่บำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก
๕.
เพื่ออธิษฐานของในสิ่งที่ตนปรารถนา
๖.
เพื่อระลึกถึงคุณค่าของน้ำ
ประเพณีลอยกระทงภาคใต้
การลอยกระทงของชาวใต้ส่วนใหญ่นำเอาหยวกมาทำเป็นแพบรรจุเครื่องอาหารแล้วลอยไปแต่มีข้อน่าสังเกตคือ
การลอยกระทงทางภาคใต้ ไม่ มีกำหนดว่าเป็นกลางเดือน ๑๒ หรือเดือน ๑๑ ดังกล่าวแล้ว
แต่จะลอยเมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บ เพื่อให้หายโรคภัยไข้เจ็บที่ตนเป็นอยู่
เป็นการลอยเพื่อสะเดาะเคราะห์การตกแต่งเรือหรือแพลอยเคราะห์ จะมีการแทงหยวก
เป็นลวดลายสวยงามประดับด้วยธงทิว ภายในบรรจุดอกไม้ ธูปเทียน เงินและเสบียงต่างๆ
ตามความเชื่อของคนในท้องถิ่น
ประเพณีลอยกระทงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การลอยกระทงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เรียกว่า เทศกาลไหลเรือไฟ จัดเป็นประเพณียิ่งใหญ่ในหลายจังหวัด เช่น จังหวัดนครพนม
โดยการนำหยวกกล้วยหรือวัสดุต่างๆ มาตกแต่งเป็นรูปพญานาคและรูปอื่นๆ
ตอนกลางคืนจุดไฟปล่อยให้ไหลไปตามลำน้ำโขงดูสวยงามตระการตาซึ่งเป็นพิธีที่ได้สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
ความเป็นมาของประเพณีไหลเรือไฟ
ประเพณีไหลเรือไฟเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งที่ชาวอีสานสืบทอดปฏิบัติในเทศกาลออกพรรษา
ทำกันในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึงแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ตามแม่น้ำลำคลอง จังหวัดที่มีการไหลเรือไฟปัจจุบันคือ
จังหวัดศรีสะเกษ สกลนคร นครพนม หนองคาย เลย และอุบลราชธานี
โดยเฉพาะชาวนครพนมนั้นถือเป็นประเพณีสำคัญมาก
เรือไปหรือที่ภาษาถิ่นเรียกกันว่า
เฮือไฟ
เป็นเรือที่ทำด้วยกล้วยหรือไม้ไผข้างในของเรือบรรจุด้วยข้าวต้มมัดหรือสิ่งของที่เราต้องการจะบริจาค
ข้างนอกมีเรือมีดอกไม้ ธูปเทียน ตะเกียง ขี้ไต้
สำหรับจุดเรือให้สว่างไสวก่อนที่จะปล่อยเรือ ซึ่งเรียกว่า
การไหลเรือไฟมูลเหตุของการไหลเรือไฟนั้นมีคตินิยมเช่นเดียวกับการลอยกระทง
มีประเด็นความเชื่อ คือ
๑.ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธบาท
๒.ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระรัตนตรัย
๓.ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระแม่น้ำคงคา
๔.ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพญานาค
เรือไฟโบราณ
ใช้ต้นกล้วยต่อกันเป็นแพรให้มีลักษณ์คล้ายกาบกล้วยตกแต่งด้วยดอกไม้สดที่หาได้ตามท้องถิ่น
พร้อมวัสดุต่างๆตามความเชื่อของคนในท้องถิ่นใส่ลงไปภายในตัวเรือ
เรือไฟขนาดใหญ่
ทำด้วยไม้ไผ่มัดต่อกันเป็นแพลูกบวบ
ขึ้นโครงไม้ไผ่เป็นฉากดัดโครงลวดเป็นรูปทรงต่างๆ ส่วนใหญ่จะประดิษฐ์เป็นรูปเรือ
รูปพญานาค นำไปผูกติดกับโครงไม้ไผ่
ใช้ขี้ไต้หรือขวดน้ำมันใส่ใส้ผูกติดกับโครงลวดเป็นระยะขึ้นอยู่กับรูปภาพที่กำหนด
ประเพณีลอยกระทงของภาคเหนือ
การลอยกระทงของคนในภาคเหนือ
นิยมทำกันในเดือนยี่เป็ง เพื่อบูชาพระอุปคุตต์ซึ่งเชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึก
หรือสะดือทะเล
ตรงกับคติของชาวพม่า แต่ในปัจจุบันได้มีการจัดงานวันลอยกระทงในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ
เดือน๑๒ โดยจัดเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ในหลายๆจังหวัด เช่น ประเพณีกระทงสาย
ของจังหวัดตากเป็นพิธีที่น้ำเอาพระพุทธศาสนาภูมิปัญญาของชาวบ้าน
มาหล่อหลอมกันจนเป็นรูปแบบที่โดดเด่น
ซึ่งชาวบ้านได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน
ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างจากจังหวัดอื่น
เมื่อเราน้ำกระทงมาลอยกระทงจะไหลไปตามร่องน้ำเกิดเป็นสายยาวต่อเนื่องทำให้แสงไฟของกระทงส่องแสงระยิบระยับเป็นสายยาวทำให้ดูแล้วสวยงามมาก
ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาเป็นการประกวดกระทงสวย
ส่วนประกอบของกระทงสาย มีดังนี้
1.กระทงนำ เป็นกระทงที่มีขนาดที่ใหญ่ที่ตกแต่งด้วยใบตองสด
ซึ่งประกอบไปด้วยดอกไม้สดหลากหลายที่สันที่มีความสวยงามพร้อมมีผ้าสบง
เครื่องกระยาบวช หมาก พลู ขนม ฯลฯ
เพื่อทำพิธีจุดธูปเทียวบูชาแม่น้ำคงคาและบูชาพระพุทธเจ้า
และจากนั่นก็น้ำลงลอยเป็นอันดับแรก
2.กระทงตาม เป็นกระทงกะลามะพร้าวที่ไม่มีรู
นำมาขัดถูให้สะอาด ภายในกะลานี้ ใส่ด้ายดิบที่ฟั่นเป็นรูปตีนกา
แล้วหล่อด้วยเทียนไขหรือน้ำผึ้ง สำหรับเป็นเชื้อไฟจุดก่อนปล่อยลงลอย
3.กระทงปิดท้าย เป็นกระทงขนาดกลาง
ที่ตกแต่งอย่างสวยงามคล้ายกระทงน้ำแต่มีขนาดที่เล็กกว่า
เป็นการบ่งบอกถึงการสิ้นสุดการลอยของสายนั่นๆ
ความเป็นมาของประเพณีลอยกระทง
ลอยกระทง
เป็นพิธีกรรมร่วมกันของผู้คนในชุมชน หรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มีมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เพื่อขอขมาต่อธรรมชาติ
แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าลอยกระทงเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ผู้คนในสุวรรณภูมิรูว่าชีวิตอยู่ได้ก็เพราะน้ำและดินเป็นสำคัญและน้ำเป็นสิ่งที่น้ำสำคัญที่สุดแก่ชีวิตของคนเราหากเราขาดแคลนน้ำก็จะทำให้ชีวิตเรารำบากมากยิ่งขึ้น
ดังนั่น เมื่อคนเรามีชีวิตอยู่รอดได้ปีหนึ่ง
จึงทำพิธีขอขมาสิ่งที่ได้ล่วงล้ำก่ำเกินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ด้วยการใช้วัสดุที่ย้อยสลายได้และสามารถลอยน้ำได้ใส่เครื่องเส้นไหว้ให้ลอยไปกับน้ำ
สำหรับราชสำนักกรุงศรีอยุธยา
ที่อยู่บริเวณราบลุ่มน้ำ และมีน้ำท่วมนานหลายเดือน
ก็เป็นศูนย์กลางสำคัญที่จะสร้างสรรค์ประเพณีเกี่ยวกับน้ำขึ้นมาเป็น ประเพณีหลวง
ของอาณาจักร
ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่ชาวไทยส่วนใหญ่ให้การนับถือและให้การยอมรับเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งประเพณีลอยกระทงได้จัดขึ้นทุกๆปีในศิลาจารึกสมัยสุโขทัยและเอกสารร่วมสมัยก็ไม่
มีปรากฏชื่อ “ลอยกระทง” แม้แต่ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงก็มีแต่ชื่อ “เผาเทียน เล่นไฟ”
ที่มีความหมายอย่างกว้างๆ
ว่า การทำบุญไหว้พระ ส่วนเอกสารและวรรณคดีสมัยกรุงศรีอยุธยาสมัยแรกๆ ก็มีแต่ชื่อ
ชักโคม ลอยโคม แซวนโคม และลดชุดลอยโคมลงน้ำ ในพิธีพราหมณ์ของราชสำนักเท่านั้น
และแม้แต่ในสมัยกรุงธนบุรีก็ไม่มีชื่อนี้จนถึงยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์จึงมีปรากฏชัดเจนในพระราชพงศาวดารแผ่นดิน
รัชกาลที่ ๓ฉบับ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์และเรื่องนางนพมาศ พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๓
ซึ่งก็หมายความว่า คำว่า “ลอยกระทง” เพิ่งปรากฏในต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้เองอนึ่ง
ประเพณีลอยกระทงที่ทำด้วยใบตองในระยะแรก จำกัดอยู่แต่ในราชสำนักกรุงเทพฯ เท่านั้น
ซึ่งมีรายละเอียดพรรณาอยู่ในหนังสือพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๓
ว่ากรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ราชธิดาองค์โปรดได้แต่งกระทงเล่นทุกปี
เมื่อนานเข้าก็เริ่มแพร่หลายสู่ราษฎรในกรุงเทพแล้วขยายไปยังหัวเมืองใกล้เคียงในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
และกว่าจะเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วประเทศก็ประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๐ หรือก่อนหน้านั้นไม่นานนัก
ส่งผลให้เกิด “เพลงลอยกระทง” ในจังหวะของสุนทราภรณ์ ที่เผยแพร่ผ่านทางวิทยุกระจายเสียง
จนในที่สุดลอยกระทงก็ถือเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยทั่วประเทศ
ประเพณีลอยกระทง
ลอยกระทง
เป็นประเพณีที่สำคัญและเก่าแก่ของไทย ตรงกับวันขึ้น๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒
ซึ่งอยู่ในช่วงน้ำหลาก มีที่มากจากพิธีกรรมเกี่ยวกับน้ำ
ซึ่งปัจจัยสำคัญในวัฒนธรรมของไทย
ถึงแม้จุดมุ่งหมายความเชื่อในวันลอยกระทงจะแตกต่างกัน
แต่ความหมายที่เหมือนกันของประเพณีลอยกระทงก้อคือ การแสดงออกถึงความกตัญญู
รู้จักสำนึกถึงคุณค่าของน้ำ ที่ช่วยให้เรามีชีวิตที่ดี
นับเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่ดีงามอย่างหนึ่งของไทย
ปัจจุบันประเพณีลอยกระทงได้ถูกดัดแปลงไปบ้าง
การให้ความสำคัญของความหมายของวันลอยกระทง คุณค่า
สาระและแนวทางที่พึ่งปฏิบัติน้อยลง จึงได้จัดทำหนังสือเกี่ยวกับวันลอยกระทงขึ้น
เพื่อเผยแพร่ ความหมาย คุณค่าสาระ แนวปฏิบัติ
ตลอดจนธรรมเนียมที่ถูกต้องเกี่ยวกับวันลอยกระทง
เพื่อให้คนรุ่นต่อไปไปได้น้ำมาศึกษาค้นคว้าและหวังอย่ายิ่งว่าจะเป็นแนวทางการปฏิบัติและการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในประเพณีลอยกระทง
ลอยกระทง เป็นประเพณีของไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณในช่วงวันเพ็ญ ๑๒
พระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์สอดส่องสว่างไสว แม่น้ำใสสะอาด เป็นบรรยากาศที่สวยงาม
เหมาะแก่การลอยกระทง เพื่อแสดงถึงความเคารพและการสำนึกบุญคุณของแม่น้ำคงคา
และอื่นๆ ตามคติความเชื่อของแต่ละภาคแต่ละท้องถิ่นโดยใช้เป็นสื่อการในการอธิฐาน
และวันลอยกระทงที่จะมาถึง ในวันที่๒๑ พฤศจิกายน ขอเชิญให้ประชาชนไทยทั่วประเทศ
ร่วมสืบทอดประเพณีลอยกระทงอันดีงามนี้ไว้เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทยไม่ให้เสื่อมสูญ
วิดีโอ ประเพณีวันลอยกระทง
วิดีโอ งานประเพณีลอยกระทงจังหวัดสุโขทัย
เว็บที่ใช้ในการค้นหา
http://hilight.kapook.com/view/30438
http://board.palungjit.com/